Customer Reviews

Fifty Shades of Grey 1 (อี.แอล.เจมส์)
3
หนังสือนิยายรักแนวเพ้อฝันปนอีโรติคติดเรท
โดย: J.me วันที่เขียนรีวิว: 17 มีนาคม พ.ศ. 2558

Fifty shades of greyเป็นนิยายอีกเรื่องที่ได้นำมาทำเป็นภาพยนตร์ จริงๆแล้วพล็อตเรื่องก็ไม่ได้มีอะไรมาก เป็นพล็อตแบบเดิมๆทั่วไป นิยายรักแนวเพ้อฝัน นางเอกอนาสตาเซียนักศึกษาสาวสวยแสนซื่อ แต่มีเสน่ห์ มาเจอกับพระเอกมิสเตอร์เกรย์รูปหล่อ รวย เป็นที่หมายปองของผู้หญิงแทบทุกคน สุดท้ายก็ปิ๊งกัน รักกัน แต่ที่เหมือนจะมีมากกว่านิยายรักเพ้อฝันเรื่องอื่นๆก็คือ ฉากอีโรติคติดเรทของพระเอกนางเอก ซึ่งไม่รู้ว่าด้วยเหตุนี้หรือเปล่าที่อาจจะทำให้เรื่องนี้ขึ้นแท่นหนังสือขายดีของต่างประเทศ แต่ส่วนตัวเราไม่ได้ประทับใจอะไรมากมาย เพราะพล็อตเรื่องก็เดิมๆ เดาทางง่ายๆ อาจจะมีโมเม้นต์น่ารักมุ้งมิ้งของพระเอกนางเอกบ้าง แต่ก็หาได้ตามนิยายไทย ซีรี่ย์เกาหลีทั่วไป ไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่ถ้าใครชอบแนวเพ้อฝัน ประกอบแนวอีโรติค มีฉากให้เอาไปจิ้นกันให้ฟินหมอนขาด ก็ต้องลองอ่านเรื่องนี้ดู คุณจะได้เจอกับพระเอกในอุดมคติ ที่ทำทุกสิ่งอย่าง ที่พระเอกนิยายน้ำเน่าคนนึงจะทำได้ จนนางเอกแทบจะเป็นเหมือนเจ้าหญิง เราไม่แน่ใจว่าผู้เขียนอยากให้เราได้สารแบบไหน เราตีความมาในแนวที่ว่า ถ้าสองคนรักกันจริง ก็ต้องรู้จักปรับตัวเข้าหากัน และยอมรับในสิ่งที่อีกคนเป็นให้ได้ แต่ก็ไม่แน่ใจเท่าไรว่าผู้เขียนอยากจะสื่อแบบนี้หรือเปล่า สำหรับเราอ่านจบเล่มแรก รู้สึกเฉยๆ มีแอบกรี๊ดแอบฟินพระเอกบ้างนิดหน่อย แต่คิดว่าคงไม่ใช่แนวเรา เลยอาจจะไม่ซื้อเล่มสองเล่มสามต่อแล้ว แตสำหรับใครที่อยากได้บทสรุปของอนาสตาเซียกับมิสเตอร์เกรย์ ก็ต้องซื้อต่อนะคะ เพราะเรื่องนี้มีทั้งหมด3เล่มด้วยกัน
ดาวบันดาล
5
หนังสือที่ทำให้เสียน้ำตามากที่สุดเล่มนึง
โดย: J.me วันที่เขียนรีวิว: 17 มีนาคม พ.ศ. 2558

The fault in our star ดาวบันดาล เป็นหนังสือที่เราไปหามาอ่านหลังจากได้ดูภาพยนตร์ แล้วรู้สึกประทับใจมาก อยากมีหนังสือเก็บไว้ ในหนังสือเล่มนี้เขียนโดยนักเขียนชื่อดังอย่าง John Green เรื่องราวก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน ว่าด้วยวัยรุ่นสองคนที่ป่วยเป็นมะเร็ง แล้วเจอกันในกลุ่มบำบัดเด็กผู้ป่วยมะเร็ง แล้วก็ตกหลุมรักกัน แต่ผู้เขียนกลับบรรยายเรื่องราวออกมาได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้ผู้อ่านสามารถรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดของการเป็นโรคร้ายนี้ และซาบซึ้งไปกับเรื่องราวความรักอันงดงามของเด็กวัยรุ่น 2 คน เฮเซล เด็กสาววัยเพียง 16 ปี ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งปอด เธอป่วยมานานจนความตายไม่ใช่เรื่องน่ากลัวและเธอรู้ดีว่ามันอาจจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ ส่วนออกัสตัส เด็กหนุ่มอายุ 18 ผู้เสียขาไปแล้วข้างหนึ่งจากมะเร็งกระดูก แต่เขาก็ยังดูแข็งแรง ร่าเริง มีเสน่ห์ และจริงจังกับความรัก ทั้ง2คนต่างรู้ดีว่าความรักของเขาและเธอไม่อาจที่จะคงอยู่ตลอดไปได้ เพราะวันใดวันนึง ไม่ใครก็ใครก็คงต้องจากไป ซึ่งประเด็นนี้มันสะเทือนใจคนอ่านอย่างเรามาก หลายๆอย่างที่คุณคิดว่ามันจะเป็นแบบนั้น แต่มันอาจจะไม่ใช่ก็ได้ นับว่าผู้เขียนเล่นกับความรู้สึกของคนอ่านได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากนี้ หนังสือเล่มนี้นับว่าเป็นหนังสือที่มีภาษางดงามสละสลวยมาก ส่วนตัวเราเคยอ่านเวอร์ชันภาษาอังกฤษด้วย ภาษาอาจจะค่อนข้างยากนิดหน่อย มีศัพท์เฉพาะเยอะ ถึงจะแปลเป็นไทยแล้ว แต่บางคำก็ยังอาจจะยากอยู่บ้าง ถ้าพิจารณาดีๆ ก็อาจจะเข้าใจ อาศัยคำในบริบทใกล้เคียงช่วยๆแปล แต่ด้วยความซึ้ง เศร้า อบอุ่นและหลากหลายอารมณ์ที่อยู่ในหนังสือเล่มนี้ ก็ทำให้เรามองข้ามความยากของคำบางคำไปได้เลย กว่าจะอ่านจบก็เสียน้ำตาไปหลายรอบ ใครที่ชอบภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่แล้ว ลองหาหนังสือมาเก็บไว้ก็ไม่เสียหายค่ะ
Warm Bodies (วอร์ม บอดี้)
5
หนังสือที่ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ชื่อดัง ไม่ควรพลาด
โดย: J.me วันที่เขียนรีวิว: 17 มีนาคม พ.ศ. 2558

Warm bodies ซอมบี้ที่รัก นับว่าเป็นหนังสือวรรณกรรมวัยรุ่นอีกเล่มที่ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์แล้วโด่งดังมากๆ เราเองก็รู้จักภาพยนตร์ก่อน แต่มีหลายๆคนบอกว่าหนังสือเก็บรายละเอียดได้มากกว่า อ่านแล้วได้อารมณ์กว่าดูหนัง เพราะภาพยนตร์จะมีการตัดบางส่วนออกไป และพยายามเล่าทุกอย่างในหนังสือให้จบใน2ชั่วโมง เราเลยซื้อหนังสือมาอ่านก่อนที่จะไปดูหนัง พออ่านแล้วก็ประทับใจมาก กลายเป็นหลงรักเหล่าซอมบี้ไปเลย
จากตอนแรกที่เราคิดว่าหนังสือซอมบี้ เนื้อเรื่องมันอาจจะน่ากลัวหรือเปล่า แต่พอได้อ่านแล้วกลับตรงกันข้าม ผู้แต่ง: Isaac Marion (ไอแซค มาเรียน) ลบภาพความเป็นซอมบี้แบบที่เรารู้จักหรือเคยดูหนังกันมาจนหมด ซอมบี้ในเรื่องนี้ไม่ได้สยดสยองน่ากลัวแบบที่เราเคยดูมา เพราะมีการถ่ายทอดเรื่องราวความรักโรแมนติกสีเทาระหว่างซอมบี้ “R” กับสาวชาวมนุษย์ “จูลี่” หนึ่งในเหยื่อของเขา R ตกหลุมรักเธอเข้าอย่างจัง ซึ่งเหตุนี้ทำให้หัวใจของเขาที่ควรจะไม่รู้สึกอะไร เหมือนจะเริ่มกลับมาเต้นอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งมันทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ จะเป็นยังไงต้องลองไปหามาอ่านกันดู นอกจากนี้ ก็ไม่ใช่ว่าจะมีแต่เรื่องความรักหวานแหววอย่างเดียว แต่ยังมีการต่อสู้ระหว่างซอมบี้กับซอมบี้ด้วยกัน ซึ่งมันทำให้น่าติดตามจนวางไม่ลง ต้องลุ้นไปกับเรื่องราวความรักและการต่อสู้ เอาใจช่วยพวกพระเอกซอมบี้กันแบบสุด
ใครที่เคยดูหนังมาแล้ว ลองไปหามาอ่านดูก็ไม่เสียหาย เพราะหนังสืออาจจะทำให้คุณได้อรรถรสมากขึ้น หรือได้รับรู้บางเรื่องราวที่ในหนังไม่ได้บอกไว้ ส่วนใครที่ยังไม่เคยดู ไม่เคยอ่าน ถ้าได้ลองอ่านเล่มนี้แล้ว ทัศนคติของคุณต่อซอมบี้น่าจะเปลี่ยนไปเลย คุณอาจจะตกหลุมรักซอมบี้ก็เป็นไปได้
Yellow Cabby แท็กซี่นิวยอร์ก (ปกอ่อน)
4
Yellow cabby แท็กซี่นิวยอร์ก ทั้งฮา ทั้งดราม่า ครบรส
โดย: J.me วันที่เขียนรีวิว: 14 มีนาคม พ.ศ. 2558

Yellow cabby แท็กซี่นิวยอร์ก เรารู้จักหนังสือเล่มนี้จากหนังสือNewyork first timeของคุณเบ๊น ธนชาติ คุณเบ๊นเขียนถึงเรื่องราวที่ได้ไปถ่ายภาพประกอบให้หนังสือเล่มนี้ พอเราอ่านเจอก็รู้สึกอยากติดตามเรื่องราวของลุงแท็กซี่ต่อ ประกอบกับกำลังอินกับเรื่องในเมองนิวยอร์ก จึงรีบไปหามาอ่าน เราเพิ่งมารู้ทีหลังว่าจริงๆแล้วหนังสืออ่านเล่มนี้ได้รวบรวมมาจากกระทู้ในเว็บไซต์พันทิพดอทคอม จากuserชื่อ Smartstupid ตั้งกระทู้เล่าเรื่องประสบการณ์ของตัวเอง ในการทำงานเป็นคนขับแท็กซี่ในเมืองนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา คุณsmartstupidนับว่าเป็นคนขับแท็กซี่ที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวที่ตนไปประสบพบเจอมาให้ผู้อ่านเห็นภาพได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้เราได้สัมผัสถึงไลฟ์สไตล์ของคนนิวยอร์ก รู้ในบางมุมที่ไม่เคยรู้ เหมือนได้เปิดโลกกว้างขึ้นอีกนิด และด้วยสำนวนการเขียนติดตลก กระชับเข้าใจง่าย มันทำให้หนังสือเล่มนี้น่าติดตามจนวางแทบไม่ลง ซึ่งนอกจากความฮา ดราม่า ครบรสที่จะได้จากหนังสือเล่มนี้แล้ว สิ่งหนึ่งที่แฝงอยู่ในหนังสือเล่มนี้ เรารู้สึกว่าเราได้ข้อคิดบางอย่าง คือไม่ว่าจะทำอะไร ถึงจะมีอุปสรรค แต่เราก็ต้องฝ่าฟันมันไปให้ได้ เหมือนกับชีวิตในนิวยอร์คที่จะมีสิ่งท้าทายเกิดขึ้นได้เสมอ เราก็ต้องพร้อมเผชิญกับมัน นับว่าหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือดีๆอีกเล่มที่ไม่ควรพลาด ไม่ว่าคุณจะเป็นนิวยอร์กเกอร์ เคยเป็นนิวยอร์กเกอร์ หรืออยากเป็นนิวยอร์กเกอร์ รับรองว่าถ้าคุณได้อ่านเล่มนี้ คุณจะได้มุมมองอะไรบางอย่างกลับไปไม่มากก็น้อยแน่นอน
New York 1st Time นิวยอร์กตอนแรกๆ
4
หนังสือที่อ่านได้เรื่อยๆ ไม่เบื่อเลย
โดย: J.me วันที่เขียนรีวิว: 06 มีนาคม พ.ศ. 2558

จริงๆหนังสือเล่มนี้ดังมานานแล้วในกลุ่มเพื่อนเรา ทุกคนอ่านกันหมด แล้วก็มาแนะนำให้เราอ่านด้วย เพื่อนเรานี่อ่านไป หัวเราะไป เราก็สงสัยอะไรจะขำขนาดนั้น แต่ตอนนั้นเราก็ยังไม่มีโอกาสได้อ่านซักที พอยิ่งเห็นคลิปไวรัลโปรโมทหนังสือก็ยิ่งรู้สึกสนใจ คิดว่านักเขียนคนนี้ต้องมีไอเดียดีๆแน่ๆ พอดีเมื่อเดือนที่แล้วที่มหาลัยมีงานหนังสือ เอามาลดราคา เราเลยซื้อมาซะเลย อยากพิสูจน์ว่ามันสนุกขนาดนั้นเลยหรอ?
พอได้อ่านแล้วก็เออ!! มันสนุกจริงๆ555 เนื้อหาของเล่มนี้จะเล่าเกี่ยวกับการไปใช้ชีวิตอยู่ที่นิวยอร์กเพื่อเรียนปริญญาโทด้านการถ่ายภาพของผู้เขียน ด้วยความที่ผู้เขียนมีสไตล์การเขียนที่เป็นกันเอง เหมือนเพื่อนมาเล่าให้ฟัง ทำให้อ่านได้ไม่เบื่อ มุกนี่ก็แพรวพราวมากมีหยอดเอง ตบเอง ถึงบทหลังๆอาจจะไม่ขำพีคเหมือนช่วงแรกๆ แต่ก็ยังอ่านได้เพลินๆเรื่อยๆ ผู้เขียนบรรยายได้ดีมาก นึกภาพตามได้เป็นฉากๆเลย เหมือนได้ไปเที่ยวนิวยอร์กมากับผู้เขียน พออ่านจบนี่แทบอยากจะแพคกระเป๋าจองตั๋วเครื่องบิน แล้วไปเดินเล่นที่ไทม์สแควร์สักเดือนสองเดือน แถมผู้เขียนเป็นช่างภาพ มาเรียนต่อด้านถ่ายภาพอยู่แล้ว ทำให้เรามีรูปสวยๆ ภาพ4สี ดูกันตลอดเล่ม
สำหรับเรา อ่านเล่มนี้จบแล้วได้แรงบันดาลใจเลยล่ะ สักวันเราจะลองไปใช้ชีวิตแบบนี้ดูบ้าง อยากฝึกภาษาให้เก่งๆ ใครที่อยากไปอเมริกา ลองหามาอ่านกันดูนะ รับรองว่าจะได้อะไรกลับไปเยอะเลย หรือใครเคยไปมาแล้ว อ่านเล่มนี้แล้วจะต้องคิดถึงอเมริกามากแน่ๆ
www.batorastore.com © 2024